
Photo by Eszter Kisgyura on Unsplash
10 ประสบการณ์ห้ามพลาดในอัสวาน ประเทศอียิปต์
อัสวาน เมืองริมแม่น้ำไนล์ เป็นประตูยุทธศาสตร์และการค้าทางตอนใต้ของอียิปต์มาตั้งแต่สมัยโบราณ มีแหล่งโบราณคดีที่สำคัญหลายแห่งใกล้กับเขื่อนอัสวาน สถานที่สำคัญเป็นซากปรักหักพังของวิหารฟิเล่ ที่มีวิหารแห่งไอซิส มีเสาตั้งเรียงกันตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสต์ศักราช - ด้านฝั่งตรงข้ามเมือง Aswan เป็นที่ตั้ง Tombs of the Nobles - สุสานขุนนาง หรืออีกชื่อคือ Prince's Tombs – สุสานเจ้าชาย - เมืองอัสวานในอดีตผู้คนอาศัยอยู่รอบๆ Elephantine island ซึ่งเป็นสถานที่กษัตริย์นูเบียนและชนชั้นปกครองอาศัยอยู่ และภายหลังถูกรวมเข้ากับอียิปต์เป็นหนึ่งเดียวกันในที่สุด - อัสวานเป็น 1 ใน 3 เมืองของอียิปต์ที่มีผู้มาท่องเที่ยวมากที่สุดทุกปี
คำว่าNubia หรือ Nubians หมายถึง Gold - ทองคำ เป็นคำที่เรียกครั้งแรกโดยชาวโรมัน เมื่อกล่าวถึงพื้นที่ทางใต้ของอียิปต์ซึ่งเป็นทางเหนือของซูดาน ชาวนูเบียนเป็นกลุ่มชาติพันธ์กลุ่มน้อยที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ในประเทศซูดานและทางใต้ของอียิปต์ แต่เดิมมีถิ่นฐานอยู่ทางภาคกลางของลุ่มแม่น้ำไนล์ เป็นกลุ่มแรกๆ ของการสร้างอารยธรรม ชาวนูเบียนมีประวัติศาสตร์อันยาวนานก่อนกำเนิดราชวงศ์อียิปต์
เมืองอัสวานในปัจจุบันมีความมั่งคั่งและอุดมไปด้วยประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ วัฒนธรรม และความสนุกสนาน เป็นเมืองที่โดดเด่นมีความผสมผสานระหว่างความทันสมัยและอารยธรรมโบราณ ที่สามารถสำรวจและเยี่ยมชมความแตกต่างที่น่าสนใจอย่างหลากหลายทีเดียว

ชาวอียิปต์เชื้อสายนูเบียน
Photo by Gonzalo Pedroviejo Gómez on Unsplash
10 ประสบการณ์ห้ามพลาดเมื่อมาเยี่ยมชมอัสวาน (Aswan)
ถือว่าเป็นข้อแนะนำจากผู้ที่เคยเดินทางมาก็แล้วกัน หากจำกัดด้วยเวลา หรือไม่สะดวกประการใด อาจผ่านข้อใดข้อหนึ่งไปก็ไม่ว่ากัน ด้วยสวยงามของทัศนียภาพรอบๆ แม่น้ำไนล์ในช่วงเมืองอัสวานนี้เป็นหมู่เกาะแก่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ และยังเคยเป็นภูมิประเทศหน้าด่านที่สำคัญมาแต่โบราณกาล จึงมีโบราณสถานที่เป็นร่องรอยอารยธรรมอยู่มากมาย ซึ่งล้วนแต่น่าสนใจ หากคุณมีโอกาสเดินทางมาก็ขอให้ซึมซาบและเรียนรู้ได้มากที่สุด จะได้เก็บความประทับใจกลับมา

ความอุดมสมบูรณ์ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ /Photo by AXP Photography on Unsplash

ล่องเรือ Felucca เที่ยวชมแม่น้ำไนล์ / Photo by Dithichaya
1. ล่องเรือ Felucca
แม่น้ำไนล์สายน้ำอันยิ่งใหญ่ จากดินแดนอัสวานไปออกยังทะเลเมดิเตอร์เลเนียนทางทิศเหนือของอียิปต์ เป็นเส้นทางการเดินเรือสำคัญที่เดิมใช้เรือเฟลุกกะ เรือใบที่สร้างจากไม้อาศัยแรงลมในการเดินทางสืบเนืองมานาน เมื่อในอดีตเรือใบนี้เคยล่องไปทั่วภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน โดยเฉพาะในซูดานและตูนิเซีย แต่ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในฐานะสัญลักษณ์ของอียิปต์
อัสวานเป็นหนึ่งในเมืองที่น่าอัศจรรย์ของอียิปต์ คุ้มค่าที่จะนั่งเรือเฟลุกกะล่องเรือไปรอบๆ เกาะแก่งในแม่น้ำไนล์ คุณอาจจะได้พบกับชาวอียิปต์ที่เป็นคนสนุกสนานและเป็นมิตร พวกเขาเต้นรำและร้องเพลงในขณะที่ล่องแม่น้ำไนล์ ทั้งได้ชมทิวทัศน์ที่งดงามราวภาพวาดอันมีชีวิตชีวาที่มองเห็นได้จากเรือที่ล่องไป

เรือ Felucca / Photo by Dithichaya

บ้านเรือนชาวนูเบียน / Photo by AXP Photography on Unsplash
2. ชมหมู่บ้านนูเบียน
อัสวานเป็นเมืองที่ยอดเยี่ยม ทำให้สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นภาพถ่ายที่แตกต่างไปจากที่อื่นๆ ของอียิปต์ รวมถึงประเพณีและขนบธรรมเนียมที่แตกต่างในหมู่บ้านนูเบียนอันน่าหลงใหล ซึ่งสร้างอาคารมาจากดินเหนียวแล้วแต่งแต้มสีสัน เป็นเหมือนศูนย์วัฒนธรรมสำหรับนูเบียน ผู้คนที่นี่มีความภาคภูมิใจในมรดกของพวกเขา มีการจัดแสดงของที่ระลึกและงานฝีมือที่ไม่เหมือนใคร คุณยังจะได้พบกับผู้คนที่เต้นรำไปรอบๆ สร้างบรรยากาศที่สดใสและร้องเพลงในภาษาของพวกเขา

บ้านชาวนูเบียน / Photo by AXP Photography และ Photo by AXP Photography

ขี่อูฐชมวิวทะเลทราย / Photo by Veronika Biró on Unsplash
3. สำรวจทะเลทรายบนหลังอูฐ
อัสวานตั้งอยู่ที่พรมแดนของทะเลทรายตะวันออกและทะเลทรายตะวันตกมาบรรจบกัน เป็นเมืองที่ร้อนแรงที่สุดแห่งหนึ่งของอียิปต์ มีอากาศแห้งตลอดทั้งปี หนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่ต้องทำ คือ การสัมผัสประสบการณ์ขี่อูฐแบบผจญภัย ในขณะเดียวกันคุณจะได้ชมวิวทิวทัศน์จากมุมสูงอีกด้วย

อูฐพาหนะในการเดินชมวิว / Photo by Youhana Nassif on Unsplash

ชมวิวแม่น้ำไนล์จากบนสันเขื่อนอัสวาน / Photo by Dithichaya
4. ชมทัศนียภาพ 360 องศาที่เขื่อนอัสวาน (Aswan Dam)
เขื่อนอัสวานสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 เป็นเขื่อนหินกั้นแม่น้ำไนล์ เพื่อการควบคุมน้ำไม่ให้ท่วม เพิ่มการกักเก็บน้ำเพื่อการชลประทาน และสร้างไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการวางแผนอุตสาหกรรมของอียิปต์ และเขื่อนสูงนี้ได้ส่งผลผลกระทบที่สำคัญต่อเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของอียิปต์ ด้วยความสูงทำให้เมื่อขึ้นไปอยู่บนสันเขื่อนจึงสามารถชมวิวแม่น้ำไนล์ทางด้านใต้และด้านเหนือได้อย่างกว้างไกล นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันเป็นจุดแรกๆ ทีเดียว เขื่อนอัสวานนี้ออกแบบโดยสถาบันโครงการพลังน้ำกรุงมอสโก

เรือ Felucca แล่นใบหน้าเกาะเอเลแฟนทีน มองเห็นเนินเขาแห่งสายลมอยู่เบื้องหลัง / Photo by Abdullah Helwa on Unsplash
5. เยี่ยมชมเกาะเอเลแฟนทีน
เกาะเอเลแฟนทีนเป็นสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงในอียิปต์ตอนบน ที่ทอดยาวไปตามแม่น้ำไนล์ ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกของ UNESCO ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่เก่าแก่ที่สุด ถือเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ของชาวอียิปต์โบราณ ซึ่งเชื่อว่าเทพเจ้าแห่ง Khum อยู่บนเกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นเทพเจ้าผู้ควบคุมน้ำในแม่น้ำไนล์ตลอดทั้งปี บนเกาะนี้มีแหล่งโบราณคดีและซากปรักหักพังโบราณมากกว่าสองสามแห่ง ผู้มาเยือนสามารถสำรวจเกาะได้อย่างเพลิดเพลิน ทั้งยังจะได้ค้นพบทัศนียภาพใหม่ๆ ที่สวยงาม พร้อมได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณ
_edited.jpg)
เกาะเอเลแฟนทีนกลางแม่น้ไนล์ / Photo by Mohamed Shokr on Unsplash

วิหารฟิเล่ / Photo by AXP Photography on Unsplash
6. วิหารฟิเล่บนเกาะกลางน้ำ
วิหารฟิเล่ (Philae Temple หรือ Temple of Isis) เป็นวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพีไอซิส มีความสําคัญและงดงามมาก ในอดีตวิหารนี้เคยสร้างขึ้นบนเกาะฟิเล่กลางแม่น้ำไนล์ แต่เมื่อเขื่อนอัสวานสร้างเสร็จทั้งวิหารก็จมอยู่ใต้น้ำ จึงได้ย้ายหินทีละก้อนจากวิหารเดิมขึ้นมาสร้างวิหารแห่งใหม่ที่เกาะอากิลเกีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของปัจจุบัน
วิหารฟิเล่ / Photo by Dithichaya


วิหาร Kom Ombo / Photo by AXP Photography on Unsplash
7. วิหารคอมออมโบ (Kom Ombo)
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไนล์ เป็นวิหาร Ptolemaic อันศักดิ์สิทธิ์ที่อุทิศให้กับ Sobek เทพจระเข้ และ Haroeris ที่มีหัวเป็นเหยี่ยว วิหาร Kom Ombo สร้างขึ้นภายใต้พระเจ้าปโตเลมีที่ 6 แห่งราชวงศ์ทอเลมีในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช และได้มีการเพิ่มเติมเข้ามาภายใต้การปกครองของชาวโรมัน วิหารคอมออมโบมีความน่าประทับใจและมีสิ่งให้ชมมากมาย รวมถึงงานแกะสลักทางศาสนาต่างๆ ตลอดจนภาพเล่าเหตุการณ์ประจำวัน บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในการเข้าชมใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เพื่อชื่นชมงานฝีมือและอักษรอียิปต์โบราณบนเสา และชมมัมมี่จระเข้ในพิพิธภัณฑ์จระเข้ขนาดเล็กที่อยู่ใกล้กัน

วิหาร Kom Ombo / Photo by AXP Photography on Unsplash

The Temple of Horrus at Edfu / Photo by Dithichaya
8. วิหารเทพเจ้าฮอรัสที่เอ็ดฟู (The Temple of Horus at Edfu)
เป็นหนึ่งในวัดที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว นอกจากได้เยี่ยมชมวิหารคนุมแล้ว พร้อมกันนั้นได้ไขความลับของประวัติศาสตร์อียิปต์ วิหารที่ Edfu เป็นหนึ่งในวิหารที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในอียิปต์ วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในอาณาจักรทอเลมีกระหว่าง 237 ถึง 57 ปีก่อนคริสตกาล คำจารึกบนผนังให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับภาษา ตำนาน และศาสนาในช่วงยุคเฮเลนิสติกในอียิปต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความที่จารึกไว้ของวิหาร ได้ให้รายละเอียดของการก่อสร้างและยังเก็บรักษาข้อมูลเกี่ยวกับการตีความในตำนานของวิหารแห่งนี้และอื่นๆ

The Temple of Horrus at Edfu / Photo by Dithichaya
Edfu เป็นหนึ่งในหลายๆ วิหารที่สร้างขึ้นในช่วงอาณาจักร Ptolemaic ขนาดได้สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในเวลานั้น ซึ่งเริ่มสร้างเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 237 ก่อนคริสตกาล ประกอบด้วยโถงเสา โถงขวาง 2 โถง และหอสวดมนต์ที่ล้อมรอบด้วยโบสถ์ และมีอาคารที่สร้างขึ้นบนที่ตั้งของวิหารขนาดเล็กก่อนหน้านี้ที่อุทิศให้กับเทพฮอรัส วิหาร Edfu เป็นต้นแบบสำหรับงานสร้างใน Holbeck, Leeds ประเทศอังกฤษ