top of page

Vacations on Cruise

Japan & South Korea

Story & Photos : เพลินพรรณ เลิศล้ำสกุลทรัพย์

         เรือสำราญยักษ์สัญชาติอิตาเลียน                     โอ่อ่ายิ่งใหญ่ไม่แพ้ตึกสิบสองชั้นจุผู้โดยสารมากกว่าเรือไททานิคเกือบเท่าตัว วิมานกลางน้ำทะยานออกจากฝั่งอย่างเนิบช้าด้วยสปีด 20 น็อตหรือราว 30 กว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมง ตลอด 5 คืนนี้เป็นต้นไป การมาเยือนของวันพรุ่งจะมีความหมาย ด้วยการตื่นขึ้นมาในต่างเมือง ไล่ตั้งแต่เกียวโต คานาซาว่า ทตโตะริ ชิมาเนะ แล้วข้ามสู่ประเทศเกาหลีใต้ที่ปูซาน นับเป็นทริปคุ้มค่าราวกับเนรมิตฝันของเราให้เป็นจริง

        ภายในเรือจำลองความหรูหราให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านสำเริงสำราญในการปรนนิบัติแบบอิตาเลียน อิ่มอร่อยตั้งแต่ห้องอาหารทั้ง 6 ห้อง อาทิ  Pizzeria Capri พิซซ่าสูตรต้นตำรับ อบเตาถ่านสดใหม่ คงรสชาติหอมชีสและกลิ่นแป้งแบบไหม้นิดๆ หรือจะเป็น Mamma Trattoria ห้องอาหารอิตาเลียนแท้สุดหรู ให้บริการแบบไฟน์ไดนิ่ง นอกจากนี้ยังมีห้องอาหารนานาชาติ Botticelli Restaurant ซึ่งรวบรวมอาหารยอดฮิตหลากสัญชาติ ทั้งสเต็กเนื้อ พาสต้า หรือกระทั่งอาหารญี่ปุ่น ที่มีเยอะพิเศษเพื่อเอาใจนักเดินทางเจ้าของประเทศ คลับ เลานจ์ ถูกใจยิ่งสำหรับนักเสพย์ด้วยเครื่องดื่มเต็ม อัตรา อาทิ Verona Wine & Cheese Bar และ Cigar Lounge ฯ ในแต่ละค่ำคืนบนเรือ จะมีกิจกรรมมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก ไม่ว่าจะเป็นโชว์เด็ดๆ ปาร์ตี้มันๆ รวมถึงอิตาเลียนคาร์นิวัลที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ใส่หน้ากากและบรรจงในชุดสวยประหนึ่งไปร่วมงานที่เวนิส (Carnival of Venice Party ) ซึ่งแขกทุกคนสามารถดื่มด่ำกับอาหารอิตาเลียนแท้ๆเช่นพิซซ่าอบสดใหม่จากเตาไม้ เจลาโต้แบบอิตาลีและราวิโอลี่แบบดั้งเดิมจับคู่กับไวน์และชีสมากกว่า 80 ชนิด
 

      ส่วนการออกแบบตกแต่งภายในวางใจได้เลยว่าเนี้ยบ เฉียบและเท่ เพราะ Tillberg Design  บริษัทสถาปนิกสัญชาติสวีเดนสุดคูล เจ้าของผลงานเรือยอชต์ดีไซน์ดังๆทั่วโลก รวมถึง Syntax บริษัทที่ชำนาญด้านการออกแบบโรงแรมและสปาของลอนดอนรับหน้าที่แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยงบ4,000 ล้านบาท เสกเรือทั้งลำให้เป็นโรงแรมหรูลอยน้ำ เคบินหรือห้องพักแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก อาทิ Oceanview  ขนาด 16.6  ตร.ม.  Suite w/ Balcony ขนาด 24.2 ตร.ม.  และ Grand Suite 48.3 ตร.ม.  ซึ่งสามารถรองรับแขกแบบครอบครัวได้ถึง 4 คน เราสามารถเลือกจองทัวร์วันเดย์ทริปของแต่ละวันในราคาราว 30 ดอลล่าร์สหรัฐฯ มีรถบัสรับ-ส่งไปในสถานที่ต่างๆ ก่อนจะมาส่งที่ท่าเรือตามกำหนด
 

Day 1:  Maizuru Port

          สถานที่แรกที่แวะคือ ไมซุรุ (Maizuru) หรือเมืองริมทะเลของเกียวโต  พลาดไม่ได้กับจุดชมวิวที่สวยสุดใน ญี่ปุ่นที่อะมะโนะฮะชิดะเตะ แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงซึ่งชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า “นิฮงซังเค”  (Nihon Sankei) หรือ 3 สุดยอดทิวทัศน์แห่งญี่ปุ่น (Japan's Top Three Most Scenic Views) ประกาศศักดาไว้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1643 อีกสองแห่งคืออ่าวมะซึชิมะ จังหวัดมิยากิ ที่มีนักกวีไฮกุชื่อดัง มะสึโอะ บะโชเคยเขียนกลอนชื่นชมไว้ รวมถึงศาลเจ้าอิสึกุชิมะจังหวัดฮิโรชิม่า
 

Day 2: Kanazawa Port

            คานาซาวะ (Kanazawa) เมืองที่ในสมัยเอโดะนั้นเป็นเมืองที่ปลูกข้าวได้มากเป็นอันดับสี่ของประเทศ งานหัตถกรรมของชาวคานาซาวะนั้นเข้าขั้นประณีตงดงามและมีราคาสูง เราสามารถเลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้งานศิลป์เหล่านี้ได้จากร้านขายของฝากที่อยู่เต็มสองข้างทางในเขตประวัติศาสตร์ “ตรอกน้ำชาฮิกาชิ ชายะ" (Higashi Chaya) ย่านที่เต็มไปด้วยบ้านเก่าตั้งแต่ยุคเอโดะ และซอฟท์ครีมของที่นี่ก็เด็ดไม่แพ้ใคร ห่อหุ้มด้วยแผ่นทองคำเปลวจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของการมาเยือนคานาซาวะอย่างหนึ่ง ใครที่นิยมชมสวนแบบญี่ปุ่น จะต้องไม่พลาดไปเยือนเคนโระคุเอ็น (Kenrokuen) สวนที่สวยที่สุดหนึ่งในสามของประเทศญี่ปุ่น ทั้งยังมีตลาดสดโอมิโจ อิจิบะคัง (Omi-cho Ichibakan)  มีร้านซูชิ ผลไม้ ของสดและของแห้งจากทะเลบริการเพื่อความสะดวก แนะนำว่าต้องกินปู และปลาหางเหลือง รวมถึงกุ้งขนาดเล็กหวานสด ซึ่งอร่อยสุดในช่วงฤดูหนาว (เริ่มปลายเดือนพฤศจิกายน) ด้านศิลปะ คานาซาว่าเองก็ถือว่ามีพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่าสองล้านคนต่อปี พิพิธภัณฑ์ศตวรรษที่ 21 (21st Century Museum) มีงานอาร์ทใหม่ๆให้เช็คอินตลอดเวลา รวมถึงผลงานศิลปะอันโด่งดังชื่อ "The swimming pool" สร้างสรรค์โดยลีนโดร เออร์ลิช (Leandro Erlich) นักวิจิตรศิลป์แห่ง อาร์เจนตินา

 Day 3: Sakaiminato Port

            เยี่ยมชมAdachi Museum's Japanese Gardens ตั้งอยู่ในจังหวัดชิมาเนะ   ยิ่งถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว จะยิ่งงดงามมากยิ่งขึ้น มีเครื่องหมายการันตีจาก Michelin Green Guide ความน่าสนใจในการจัดดิสเพลย์คือกำแพงแต่ละด้านวางกรอบไม้ให้เราเพลินธรรมชาติเสมือนชมผ่านกรอบรูป  จังหวัดชิมาเนะยังมีปราสาทเก่าแก่อายุราว 400 ปี ปราสาทมะสึเอะ (Matsue-jo) ภายนอกทาสีดำเด่น เป็นหนึ่งในปราสาทยุคกลางเพียงไม่กี่แห่งที่สร้างจากไม้แบบดั้งเดิมและยังคงหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่น สร้างโดยไดเมียว โฮะริโอะ โยะชิฮะรุ และตกเป็นของตระกูลมะสึไดระเมื่อปีค.ศ. 1638

Day 4 : Busan

            ไฮไลท์เด่นของปูซาน คือหมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน (Gamcheon culture village) จากอดีตหมู่บ้านยากจนพลิกสู่หมู่บ้านศิลปะ มีมุมถ่ายรูปในทุกย่างก้าวและกลายเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวที่ใครต่างต้องมาเช็คอิน ชายหาดควังกาลี (Gwangalli Beach) ชายหาดที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของปูซาน ทั้งเดินทางก็ง่ายด้วยรถไฟใต้ดิน หนุ่มสาวปูซานในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยหาที่นั่งเหมาะๆ หรือนอนปิ้งแดดเรียงรายไปตลอดความยาวของชายหาด 1.4 กิโลเมตร  มองไปที่ทะเลจะเห็นสะพานควังคัน (Gwangan) สะพานแขวนข้ามทะเลแห่งแรกของเกาหลี ใช้เป็นทางเชื่อมระหว่างย่านเมืองเก่าปูซานกับย่าน Centrum ย่านการค้าเกิดใหม่ของเมือง ช่วงกลางคืนยิ่งสวยจนตะลึงเมื่อสะพานเปิดแสงสีสะท้อนลงในน้ำ ซึ่งเรือCosta neoRomantica จะพาเราออกจากฝั่ง ณ​จุดที่เห็นสะพานงดงามสะกดใจเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นของขวัญปิดท้ายสำหรับการอำลาปูซานในวันสุดท้ายของทริป 
 

More info :
สนใจเที่ยวเรือสำราญเอเชียของ Costa neoRomantica ติดต่อ 

พบกับ Winter programme  ซึ่งจะออกเดินทางจากโตเกียวตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป สำหรับแพ็คเกจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่คนญี่ปุ่น มีแพ็คเกจราคาต่ำสุดประมาณดังนี้ 
1. Oceanview -  579  ดอลลาร์สหรัฐ 
2. Suite w/ Balcony -  1,909 ดอลลาร์สหรัฐ

3. Grand Suite -  2,909 ดอลลาร์สหรัฐ

หรือติดต่อตัวแทนบริษัททัวร์ต่างๆ ในประเทศไทย อาทิ
1. Thaiphum Skylights  โทรศัพท์: (02) 235 4144 Email: info@tpsl.co.th 
2. Joyful Holidays -โทรศัพท์: (02)  634 2300 Email: sales@joyfulholidays.com 

 

bottom of page