สายน้ำแม่ตื่นไหลเอื่อยอยู่ข้างบ้านพักมีทั้งแบบบ้านไม้และบ้านดิน พี่เดือนผู้ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของไร่ให้เราเลือกเป็นเจ้าของบ้านในสามวันนี้ตามสบาย มาเหนือทั้งทีเลยขอเลือกเป็นบ้านไม้ทรงจั่ว สถาปัตยกรรมประจำถิ่นน่าจะเหมาะ นอกจากบ้านพักแล้ว ก็มีชาวปกาเกอะญอที่ทำงานในไร่อยู่กันเป็นแบบครอบครัวใหญ่ และแทบจะสื่อสารกันแทบไม่ได้เลย แต่ยิ้มเก่งมาก เราเลยหัดภาษาปกาเกอะญอไว้ขอบคุณว่า “ตะบรึ” และทักทายสวัสดีซึ่งฟังเผินๆ คล้ายภาษาฝรั่งเศส “โอมือโชเปอ”  แปลว่า อยู่ดีมีสุข

นอกจากฝันที่จะได้มากินผักสดๆ แบบไม่ต้องกังวลในไร่เกษตรอินทรีย์แล้ว นักเดินทางรุ่นใหม่น่าจะถูกใจกับนโยบายฟาร์มสเตย์ของที่นี่ เพราะการเดินทางมาของคุณไม่เพียงแต่ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ท่องเที่ยว แต่ยังคงสร้างคุณค่าให้ตัวเอง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในเจตจำนงของไร่ที่มีพี่วิทย์ หรือคุณคำนูณวิทย์ วรภูเป็นผู้ก่อตั้ง

ทุกกิจกรรมที่ได้ร่วมทำ ส่งให้เราซึมซับถึงความตั้งใจดีของผู้ก่อตั้งไร่และสมาชิกทุกคน ยิ่งรับทราบข้อมูลที่ระบุว่า เมืองไทยมีข้าวเกษตรอินทรีย์เพียง 0.5 % จากพื้นที่ปลูกห้าสิบล้านไร่ทั่วประเทศ ตอกย้ำถึงความเพียรและความอุตสาหะที่สยามปราณาสร้างขึ้นเพื่อหมายช่วยเหลือชุมชนรอบข้างให้ชาวนาชาวไร่ภูมิใจในงานที่ตัวเองทำ และสามารถเลี้ยงชีพต่อไปในอนาคตด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์ ตามภาษาปกาเกอะญอว่า “ต่าซู่ต่าพละเต้อบะตี้สี่” แปลโดยรวมว่า วิถีเกษตรไม่พึ่งสารเคมี

 

กิจกรรมภายในไร่สยามปราณา
 

• เรียนรู้/ลองทำ วิถีเกษตรอินทรีย์

• ปลูกข้าว/เกี่ยวข้าว

• เก็บผัก/เดินหาเห็ด

• ทำอาหารพื้นเมืองตามวิถีกะเหรี่ยง

• ซาวน์น่าในบ้านดิน

• เดินป่า

• ตั้งแคมป์ริมลำน้ำแม่ตื่น

• ดูหิ้งห้อยยามค่ำคืน

• สัมผัสชีวิตพอเพียง: ไม่มีไฟฟ้าใช้ภายในไร่

• อ่านหนังสือ โยคะ นั่งสมาธิ